ในปี พ.ศ. 2565 ในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่ในช่วงเดือน กรกฎาคมยาวมาจนถึงปัจจุบันตอนนี้นั้น เนื่องจากฤดูฝนในปีนี้ เป็นฤดูฝนที่มีฝนฟ้าคะนองหนักแบบที่นานๆ จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้สักหน โดยในปีนี้ฝนนั้นตกหนักมา ในหนึ่งวันฝนตกก็แทบจะทั้งวัน และแถมยังตกแบบต่อเนื่องกันหลายวัน ทำให้บ้านเมืองหรือประเทศไทยของเราในบางพื้นที่ที่เป็นแอ่งกะทะ พื้นที่ที่เป็นเขตชุมชนและใกล้กับบ่อน้ำ คู คลอง ต่างๆ

flood

 

เมื่อฝนตกหนักติดต่อกันหลายๆ วันทำให้การระบายน้ำตามท่อระบายน้ำหรือคลองที่กักเก็บน้ำนั้น ไม่สามารถระบายออกได้ทัน เลยทำให้ในบางพื้นที่อย่างเช่นในกรุงเทพมหานคร ในเขตสุขุมวิท มีน้ำท่วมขังและระบายน้ำออกไม่ทัน แต่นอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว ยังมีตามต่างจังหวัดที่ฝนตกหนักกว่ากรุงเทพฯ อย่างเช่นในจังหวัดอุบลราชธานี ที่มีการรายงานว่าได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสูง และเอ่อล้น ตามตลิ่ง ใน 19 อำเภอของพื้นที่ โดยเขตที่ได้รับผลกระทบนั่นก็คือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอบุณฑริก สิรินธร นาเยีย สำโรง เหล่าเสือโก้ก พิบูลมังสาหาร สว่างวีระวงศ์ ดอนมดแดง ตระกาลพืชผล น้ำยืน นาจะหลวย น้ำขุ่น ม่วงสามสิบ ทุ่งศรีอุดม ตาลสุม เขื่องใน วารินชำราบ เดชอุดม โดยในเรื่องทางด้านเกษตร ของชาวบ้านนั้นได้รับความเสียหายอย่างมาก ไร่นา ไร่ข้าว ไร่ที่ชาวบ้านปลูก จมไปกับน้ำที่ท่วมสูง ชาวบ้านต้องอพยพขึ้นที่สูงและที่ปลอดภัย นอกจากคนหรือชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมแล้ว เจ้าหน้าที่รายว่ายังมีการอพยพสัตว์หนีน้ำเป็นจำนวน 7 แสนตัว ข้อมูลที่ได้มาจาก กรมปศุสัตว์

 

flood

 

นอกจากนี้จังหวัดที่มีน้ำท่วมสูงและยังคงได้รับผลกระทบอยู่คือจังหวัด ภูเก็ต ได้มีเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจสอบและลงพื้นที่ ตรวจสอบระดับน้ำที่อยู่ในคลองบางใหญ่ เพราะว่าเป็นคลองที่มีการไหลผ่านใจกลางเมืองของจังหวัดภูเก็ต และเพื่อพิจารณาในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของจังหวัดภูเก็ต แต่ในขณะเดียวกันนั้น ก็ยังมีพายุฝนตกลงมาเรื่อยๆ ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมสูงที่ท่วมมาตั้งแต่ วันที่ 16 ตุลาคม ยาวมาจนถึงทุกวันนี้ บางพื้นที่ก็ยังคงมีน้ำท่วมอยู่และระดับน้ำก็ลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

flood

 

ในจังหวัดมหาสารคาม สถานการณ์น้ำท่วมก็ยังถือว่าเป็นสถานการณ์ค่อนข้างวิกฤต โดยที่พื้นที่ทางหลวงหมายเลข 213 ในช่วงบ้านดินดำ ตำบลเกิ้ง อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม มีน้ำท่วมถนนเส้นหลักทั้งสองฝั่งทำให้รถมอเตอร์ไซต์ รถยนต์ และยานพาหนะต่างๆ ไม่สามารถสัญจรไปมาได้และเกิดสถานการณ์การจราจรติดขัด ด้วยระดับน้ำที่สูงถึง 40 เซนติเมตร

 

flood

 

ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็หนักเช่นเดียวกัน เพราะน้ำนั้นท่วมสูงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม ท่วมยาวมาจนถึงปัจจุบัน และไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงเพราะฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นแบบไม่มีหยุดหย่อน และกำลังจะท่วมขยายไปตามพื้นที่อื่นๆ โดยจังหวัด พระนครศรีอยุธยานั้นก็มีโบราณสถาน ที่เก่าแก่และเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเราก็ยังไม่รอด เกิดน้ำท่วมประมาณ 40-50 เซนติเมตร ตามโบราณสถาน แต่มีสถาปนิก ท่านหนึ่งได้ออกมาเผยว่าน้ำได้ท่วมโบราณสถานก็จริงแต่ไม่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างที่เก่าแก่เช่นนี้ เพราะมีเสียงจากชาวบ้านว่าเป็นห่วงกลัวจะทรุดหรือพังลงจากเหตุการณ์น้ำท่วมสูง

 

flood

 

มาต่อกันที่ ถนน พระราม 5 ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2565 มีรายงานจากนักข่าว พระราม 5 จากใกล้จุดกลับรถใต้สะพานพระราม 5 ได้พบกับน้ำท่วมสูงที่เลยขอบฟุตบาท โดยรถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ที่โหลดเตี้ยให้เลี่ยงทางนี้ดีที่สุด เพราะเกรงว่าจะทำให้น้ำที่ท่วมน้ำเข้าส่วนสำคัญของรถได้และอาจจะทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องทรัพย์สิน และอาจจะทำให้เกิดการจราจรติดขัดได้ ในส่วนของรถจักรยานยนต์ที่ ซวยขับมาทางนี้แล้วนั้นพบว่า น้ำเข้าเครื่องและท่อไอเสียทำให้รถดับ

สรุปสถานการณ์น้ำท่วม ล่าสุด