ภัยธรรมชาติในประเทศไทย ‘ทางน้ำ’ ในอดีตที่สร้างความเสียหายอย่างมากมาย

ถึงแม้ประเทศไทยของเราจะเป็นบ้านเมืองซึ่งเรียกได้ว่า มีความสงบสุข ร่มเย็น พบปะภัยธรรมชาติค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น พายุถล่มอเมริกา หรือ แผ่นดินไหวประเทศญี่ปุ่น แต่จากเหตุการณ์อุทกภัยหรือภัยธรรมชาติทางน้ำ ที่เกิดขึ้นในอดีต ก็ส่งผลอันร้ายแรงทำให้ประเทศของเราเกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิต ตลอดจนยังตามมาหลอกหลอนผู้คนจนถึงทุกวันนี้ โดยวันนี้เราจะพาคุณไปย้อนอดีตกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญของผู้คนเกือบทั้งประเทศกัน

น้ำท่วมประเทศไทย ปี พ.ศ. 2553

เหตุการณ์นี้ประเทศไทยของเราเจออัดอย่างหนักหน่วงสุดในรอบหลายสิบปี เพราะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จากข้อมูลของสื่อหลายเจ้า ระบุว่า อุทกภัยครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม จนถึงวันที่ 14 ธันวาคม

มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 39 จังหวัด , 425 อำเภอ , 26,226 หมู่บ้าน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมากถึง 7,038,248 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 7,784,368 ไร่ พบผู้เสียชีวิต 180 ราย ส่วนสาเหตุเกิดขึ้นจากร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ตอนบน , ภาคกลาง , ภาคตะวันออก บวกกับพลังของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักมาก น้ำท่วมเฉียบพลันเข้าทำลายบ้านเรือนอย่างไม่ปราณี

ในช่วงแรกนั้นมันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์น้ำท่วมธรรมดาๆ แต่ต่อมาสถานการณ์ก็ได้เลวร้ายลงหนักขึ้น จนกลายมาเป็นสาธารณภัยครั้งร้ายแรกในที่สุด

น้ำท่วมประเทศไทย ปี พ.ศ. 2554

สำหรับในปี พ.ศ. 2554 มีชื่อเรียกว่า มหาอุทกภัย เป็นน้ำท่วมอันรุนแรงอันส่งผลกระทบต่อ แม่น้ำเจ้าพระยา และ แม่น้ำโขง เหตุการณ์ดำเนินมาตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม จบลงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555 ประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า 12.8 ล้านคน

อาคารบ้านช่องเสียหายเพราะภัยของน้ำจำนวน 2,329 หลัง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 11.20 ล้านไร่ มีผู้เสียชีวิต 813 ราย สูญหาย 3 คน สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ถูกเรียกว่าเป็น ‘อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดทั้งในเรื่องของปริมาณน้ำ รวมทั้งจำนวนของผู้ได้รับผลกระทบ’

สาเหตุของการเกิด คือ พายุหมุนนกเตน ขึ้นไปฝั่งทางตอนเหนือของ เวียดนาม ส่งผลกระทบให้เกิดฝนตกหนักทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ต่อมาทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม และมันก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง ในอีก 16 จังหวัด ขณะเดียวกันฝนก็ยังคงตกลงมาอย่างหนัก ไม่มีท่าว่าจะหยุด จนมันลุกลามไปทางใต้ เพราะแม่น้ำเจ้าพระยารับน้ำปริมาณมากไม่ไหว เอ่อล้นออกมา พร้อมส่งผลกระทบมายังจังหวัดในภาคกลางหลายแห่ง กลายเป็นความสูญเสียอันน่าเศร้าอีกครั้งหนึ่งของประเทศ